06 กุมภาพันธ์ 2555

สถิติ

สถิติ(Statistic)



1.     สถิติ หมายถึง 

1.)  ตัวเลขแทนปริมาณจำนวนข้อมูล หรือข้อเท็จจริงของสิ่งต่าง ๆ ที่คนโดยทั่วไปต้องการศึกษาหาความรู้ เช่นต้องการทราบปริมาณน้ำฝนที่ตกในกรุงเทพมหานครปี 2541 เป็นต้น

2.) ค่าตัวเลขที่เกิดจากการคำนวณมาจากกลุ่มตัวอย่าง(Sample)  หรือคิดมาจากนิยามทางคณิตศาสตร์ เช่นคำนวณหาค่าเฉลี่ย  ค่าความแปรปรวน ค่าที่คำนวณได้เรียกว่าค่าสถิติ ( A Statistic) ส่วนค่าสถิติทั้งหลายเรียกว่า ค่าสถิติหลาย ๆ ค่า (Statistics) 

3.) วิชาการแขนงหนึ่งที่จัดเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ และเป็นทั้งวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ และยังหมายรวมถึงระเบียบวิธีการสถิติอันประกอบไปด้วยขั้นตอน 4 ขั้นตอนที่ใช้ในการศึกษาได้แก่

1.     การเก็บรวบรวมข้อมูล(Collection of Data)

2.     การนำเสนอข้อมูล(Presentation of Data )

3.     การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis of Data)

4.     การตีความหมายของข้อมูล (Interpretation of Data )

2.  ข้อมูล(Data) หมายถึง  รายละเอียดข้อเท็จจริงของสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรม

     และนามธรรมซึ่งตรงกับสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการศึกษา

3.  ประเภทของวิชาสถิติ แบ่งประเภทตามลักษณะของข้อมูลได้เป็นสองประเภทคือ

3.1     สถิติเชิงอนุมาน(Inductive Statistics)  หมายถึง สถิติที่ใช้จัดกระทำกับข้อมูลที่ได้มาเพียงบางส่วนของข้อมูลทั้งหมด

3.2     สถิติเชิงบรรยาย(Descriptive Statistics) หมายถึง สถิติที่ใช้จัดกระทำกับข้อมูลที่ได้มาเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

4.  การนำเสนอข้อมูล  หมายถึง  การจัดระบบข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ เป็นประเภท

     ตามลักษณะของการวิจัย  เพื่อความชัดเจนในการวิเคราะห์ข้อมูลและการแปล

     ความหมายของข้อมูล

5.  การแจกแจงความถี่ (Frequency distribution table) จำแนกออกเป็น 2 

     ลักษณะ คือ

5.1           แจกแจงข้อมูลเป็นตัว ๆ ไป ใช้กับข้อมูลดิบที่มีจำนวนไม่มากนัก

5.2           แจกแจงข้อมูลเป็นช่วงคะแนน (อันตรภาคชั้น) เช่น



คะแนน
จำนวนนักเรียน
20-29
30-39
40-49
50-59
60-69
รวม
8
12
17
10
8
55



หลักการสร้างตารางแจกแจงความถี่

1.     พิจารณาจำนวนข้อมูลดิบทั้งหมดว่ามีมากหรือน้อยเพียงใด

2.     หาค่าสูงสุดหรือต่ำสุดของข้อมูลดิบที่มีอยู่

3.     หาค่าพิสัยของข้อมูลนั้นจากสูตร 

พิสัย  =   ค่าสูงสุด  -  ค่าต่ำสุด

4.     พิจารณาว่าจะแบ่งเป็นกี่ชั้น(นิยม 5 - 15  ชั้น)

5.     หาความกว้างของแต่ละอันตรภาคชั้น จากสูตร



ความกว้างของอันตรภาคชั้น =              พิสัย

                                        จำนวนชั้น

                นิยมปรับค่าให้เป็น 5 หรือ 10

6.     ควรเลือกค่าที่น้อยที่สุด หรือค่าที่มากที่สุดของอันตรภาคชั้นให้เป็นค่าที่

สังเกตได้ง่าย ๆ

6.  ฮิสโตแกรม (Histogram) หรือแท่งความถี่ คือ  การแจกแจงความถี่ข้อมูลโดย

     ใช้กราฟแท่ง เพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรมของข้อมูลมากยิ่งขึ้นและง่ายต่อการ

     วิเคราะห์ หรือตีความหมายข้อมูล



7.  ค่ากลางของข้อมูล มีทั้งหมด 6 ชนิด

7.1           ค่าเฉลี่ยเลขคณิตหรือตัวกลางเลขคณิต(arithmetic  mean)

7.2           มัธยฐาน(median)

7.3           ฐานนิยม(mode)

7.4           ตัวกลางเรขาคณิต(geometric mean)

7.5           ตัวกลางฮาโมนิค (harmonic mean)

7.6           ตัวกึ่งกลางพิสัย(mid-range) 
8.  ค่าเฉลี่ยเลขคณิตหรือตัวกลางเลขคณิต(arithmetic  mean)

หลักในการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต

1.     นำข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน

2.     นำผลรวมที่ได้จากข้อ 1 มาหารด้วยจำนวนข้อมูลทั้งหมด

3.     ผลหารที่ได้ในข้อ 2 คือ ค่าเฉลี่ย

9. มัธยฐาน(median)  คือ ค่ากลางของข้อมูลที่อยู่กึ่งกลางของข้อมูลทั้งหมดหลัง

    จากเรียงลำดับข้อมูลจากน้อยไปมากหรอจากมากไปน้อย

        ตัวอย่าง  จงหาค่ามัธยฐานของข้อมูล   3 , 7 19, 25, 12, 18 , 10

        วิธีทำ  เรียงข้อมูลจากน้อยไปมากได้   3 , 7, 10, 12, 18, 19, 25

ข้อมูลมีทั้งหมด 7 ตัวเรียงข้อมูลแล้วตัวเลขที่อยู่ตรงกลางคือตัวเลขตำแหน่งที่ 4  \ตัวเลขตำแหน่งที่ 4 คือ 12 เป็นมัธยฐาน

10. ฐานนิยม(mode) คือ ค่ากลางของข้อมูลที่มีความถี่สูงสุดในชุดข้อมูลนั้น

        ตัวอย่าง  จงหาฐานนิยมของข้อมูลชุดนี้  3, 2, 5, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 3, 5

        วิธีทำ   ข้อมูลมี 2 จำนวน 1 ค่า    มี 3 จำนวน 8  ค่า มี 5 จำนวน 2 ค่า

                \ ฐานนิยมของข้อมูลคือ 3


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น